วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

ดื่มน้ำเย็น…อันตราย

น้ำเย็น แม้จะให้ความรู้สึกชื่นใจกว่า แต่รู้ไหมว่าไม่ดีกับหัวใจและเสี่ยงโรค ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันโรคร้ายกันเถอะ

หลายท่านชอบดื่มน้ำเย็นหลังอาหาร แต่ทราบไหมว่า ท่านกำลังเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง เพราะน้ำเย็นจะทำให้ไขมันจากอาหารที่เรากินเข้าไปจับตัวกันและทำให้การย่อยช้าลง เมื่อกากไขมันเหล่านั้นทำปฏิกิริยากับกรด จะแตกตัวและถูกดูดซึมโดยลำไส้ กลายเป็นไขมันซึ่งส่งผลให้เกิดมะเร็งได้
รู้ดังนี้แล้วแนะนำให้ดื่มซุปร้อนๆ หรือน้ำอุ่นหลังอาหารดีกว่า สังเกตได้จากการที่ชาวจีนและญี่ปุ่นมักจะดื่มชาร้อนระหว่างมื้ออาหารไม่ดื่มน้ำเย็น
อีกประการหนึ่งคือควรอาบน้ำอุ่นในตอนค่ำ และไม่ควรอาบน้ำหลังสามทุ่มหากอาบก่อนรับประทานอาหารได้จะดีมาก เพราะระบบการย่อยและหัวใจ จะสัมพันธ์กันตามหลักนาฬิกาชิวิตหยินหยาง หากทำได้เป็นประจำจะทำให้ไม่เป็นโรคร้ายแรง
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์     ข้อมูลเพิ่มเติม   คลิกที่นี่

น้อง"เพลง" ลูกแม่"ตู่" ยิ่งโต ยิ่งสวย

ดูแม่ตู่ นันทิดาจะรักอย่างกะไข่ในหิน ไปไหนมาไหนต้องเห็นแม่ลูกคู่นี้อยู่ด้วยกัน ก็ไม่ให้ห่วงได้ไง น้องเพลงเล่นยิ่งโตยิ่งสวยแบบนี้ แถมบ้านรวยอีก มีหรือพวกมดไรจะไม่มาไต่ตอม



เครดิตภาพจากสยามดารา

เดินทางให้สนุก แนะนำวิธีเตรียมตัวให้พร้อม

เดินทางให้สนุก 
แนะนำวิธีเตรียมตัวให้พร้อมออกเดินทาง

ความสนุกสนานในการเดินทางนั้นเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- หาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆไว้ล่วงหน้า
- เมื่อเดินทางไปกับกรุ๊ปทัวร์  ควรระวังเรื่องเวลานัดหมายที่จุดนัดพบ ตกลงกันให้เรียบร้อยว่าจะเน้นชมอะไร เพราะจุดมุ่งหมายและนิยามของคำว่า “พักผ่อน” นั้นอาจแตกต่างกัน
- ศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่นและให้ความเคารพสถานที่ หัดพูดคำง่ายๆในภาษาท้องถิ่นบ้าง เพื่อจะได้ทักทาย สั่งอาหาร หรือขอความช่วยเหลือยามจำเป็น
- อย่าเก็บของมีค่า เงินสด รวมถึงเอกสารสำคัญไว้ที่เดียวกันหมด ควรแยกเก็บไว้กระเป๋าอื่นบ้าง และควรเก็บของมีค่าไว้ในกระเป๋าที่อยู่กับตัวเท่านั้น
- เมื่อไปเที่ยวกันหลายคนด้วยรถยนต์ส่วนตัว ควรตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายให้เรียบร้อย เช่นใครจะออกค่าน้ำมัน ค่าผ่านทาง ค่าที่พัก หรือถ้าจะลงขันกันก็ควรตกลงกันว่าจะให้ใครเป็นคนถือเงิน
- อย่าอายที่จะถามทางถ้าตัวเองหลงทาง และอย่าลืมพกแผนที่ติดตัวไว้ด้วย
- เตรียมเสบียงเผื่อไว้ ในกรณีเดินทางไปยังที่ที่มีแต่อาหารท้องถิ่นที่เราไม่คุ้นเคย
- รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา พยายามให้อภัยหากเกิดปัญหาเพราะเหตุสุดวิสัย จะได้ไม่บั่นทอนความสนุกในการเดินทาง
มีมารยาทและวินัย เมื่อต้องเดินทางเป็นหมู่คณะ การเดินทางจะได้ราบรื่นขึ้น
อย่าลืมนำยาสามัญประจำบ้าน หรือยาประจำตัว ครีมกันแดด แว่นตากันแดด และร่มติดไปด้วย
เมื่อเดินทางไปต่างประเทศ ควรสอบถามกับสถานทูตหรือสถานกงสุลล่วงหน้า ว่าอะไรเป็นของต้องห้ามที่ห้ามนำเข้าประเทศบ้าง เพราะบางประเทศอาจมีบทลงโทษที่รุนแรง
- อย่านำสิ่งของไม่สมควรติดตัวขึ้นเครื่องบิน เช่น กรรไกร มีด หรือของที่ต้องสงสัยว่าจะใช้เป็นอาวุธได้
อย่าใช้เงินเพลินจนเกลี้ยงกระเป๋า ควรสำรองไว้เผื่อต้องจ่ายค่าภาษีสนามบินด้วย (ในกรณีที่ต้องจ่ายต่างหาก ณ สนามบิน) หรือในกรณีเครื่องดีเลย์ อาจต้องอยู่สนามบินนานขึ้น หรือต้องค้างคืน

ที่มา : ELLE

The Circle ถนนราชพฤกษ์.. เดินเล่นเก๋ๆ ถ่ายรูปสวยๆ

ชวนสาวๆ ไปเดินเล่นเก๋ๆ ถ่ายรูปอวดเพื่อนๆ ที่ เดอะ เซอร์เคิล ถนนราชพฤกษ์
แหล่งรวมร้านอาหาร และช้อปปิ้งแห่งใหม่ (The Circle, RatchaPruk
















ข้อมูลเพิ่มเติม คลิกที่นี่

วิธีถนอมดวงตาหน้าคอมพิวเตอร์

เช็ค “ดวงตา” ถูกใช้งานอย่างหักโหมหรือไม่?!! พร้อมวิธีแก้ไขควรปฏิบัติ 
ช่วยถนอม “สายตา” ยามนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์
นักศึกษายุคไอทีที่ต้องหาข้อมูล ทำการบ้าน หรือพิมพ์รายงานผ่านคอมพิวเตอร์นานหลายชั่วโมง หากรู้สึกตาแห้ง แสบ พร่ามัว ปวดกระบอกตา หรือเห็นแสง-สีผิดจากปกติ นั่นเป็นสัญญาณของการจ้องจอคอมฯ นานเกินไป แม้ไม่อันตราย แต่บั่นทอนประสิทธิภาพการเรียนรู้ ดังนั้น เพื่อดวงตาคู่สวยทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพไปนาน ๆ จึงต้องหมั่นถนอมด้วยวิธีต่อไปนี้
1.จอคอมพิวเตอร์ควรห่างจากสายตาประมาณ 1 ช่วงแขน และปรับจุดกึ่งกลางจอคอมฯ ให้อยู่ต่ำกว่าระดับสายตาประมาณ 20 องศา เป็นระยะที่ช่วยลดอาการเมื่อยเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณไหล่ หลัง และคอได้
2.ปรับแสง และความคมชัดหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้รู้สึกสบายตา โดยไม่ต้องเพ่ง ควรพิจารณาแสงไฟในห้องด้วยว่า เมื่อส่องกระทบหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้ว จ้าเกินไปหรือไม่ เพราะจะทำให้ดวงตาเมื่อยล้า แห้ง และแสบได้ง่าย นอกจากนี้ ควรติดแผ่นกรองรังสี เพื่อลดการกระจายแสง
3.พักสายตาทุก 30 นาที โดยหลับตา หรือมองไปไกล ๆ ประมาณ 5 นาที อาจใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ ประคบดวงตา ประมาณ 2-3 นาที จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา และทำให้เลือดหมุนเวียนมาเลี้ยงดวงตาได้ดี
4.ควรกระพริบตาให้บ่อยขึ้น เพื่อให้มีน้ำหล่อเลี้ยงดวงตา ช่วยลดอาการแสบตา ตาแห้ง และความอ่อนล้าของดวงตาได้ ทั้งนี้ ผลการวิจัยในต่างประเทศพบว่า การนั่งจ้องคอมฯ เป็นเวลานาน อัตราการกระพริบตาจะลดลงโดยไม่รู้ตัว ถึงร้อยละ 60
5.สำหรับคนที่ใส่คอนแทคเลนส์ มักตาแห้งได้ง่าย กรณีนี้การหยอดน้ำตาเทียมจะช่วยบรรเทาอาการปวด และแสบตาได้ แต่ควรใช้เมื่อมีอาการ
6.ทำความสะอาดหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นประจำ เพราะฝุ่นที่หนาจะทำให้แสงสะท้อนเข้าตาได้มากขึ้น
แม้การใช้งานคอมพิวเตอร์ โดยจ้องจอคอมพิวเตอร์ ไม่ควรเกิน 4 ชั่วโมงต่อวัน จะเป็นเรื่องที่ปฏิบัติได้ยากสำหรับหนุ่ม-สาวยุคไอที แต่สามารถถนอมดวงตาได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีข้างต้น เพียงหมั่นปฏิบัติให้เป็นนิสัย เพื่อสายตาได้ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพนานที่สุด.
      ข้อมูลเพิ่มเติมสุขภาพจ้า   คลิกที่นี่
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

DIY ทำที่คาดผมดอกไม้


ตัวอย่างคร่าวๆ การทำมงกุฎดอกไม้ พลาสติก
อุปกรณ์
1. ดอกไม้พลาสติก ดอกเล็กๆ (น่าจะมัดละ 10-30 บ.)
2. ที่คาดผม

          ขั้นตอนการทำ
คือว่า จับดอกไม้พลาสติก มัดๆ พันๆ เข้ากับที่คาดผมเลยค่า
ซ่อนก้านให้สวยงาม อย่าให้โผล่มาดูไม่สวย แถมทิ่มหัวเจ็บอีกตะหากนะ




    ทุกอย่างขึ้นอยู่กับไอเดียของเราประกอบด้วยค่ะ จะเอาใหญ่ เอาเล็ก ดอกจิ๋ว ดอกโตแค่ไหน เราก็ใส่ไปเลย
กระทู้เพียงนำเสนอไอเดีย มาเป็นตัวอย่างให้สาวๆ เผื่อเอาไปทำต่อได้เท่านั้นจ้า 

ที่มาภาพ : http://wishwishwish.net  ข้อมูลเพิ่มเติมจ้า คลิกที่นี่
  

รองเท้าส้นสูงใส่อย่างไร?!?ช่วงหน้าฝน


รองเท้าส้นสูงใส่อย่างไร?!?ช่วงหน้าฝน
 “รองเท้าส้นสูง” ของที่คู่กับผู้หญิงที่อยากดูสูงเพรียวและสวยสมส่วนยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะต้องแลกกับความเมื่อย หรือเจ็บปวดอย่างไรก็ตาม แม้กระทั่งหน้าฝนที่ต้องต่อสู้กับความเฉอะแฉะ และก่อให้เกิดอุบัติเหตุลื่นหกล้มได้ง่ายก็ตาม คุณผู้หญิงก็ไม่ยั่น เพื่อสนับสนุนคุณผู้หญิงที่ห่างรองเท้าส้นสูงไม่ได้ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์หรือฤดูกาลใดๆ ก็ตาม น.ส.อังค์สุมาลี แร่กาสิน นักกายภาพบำบัด แผนกประกันสังคม รพ.กล้วยน้ำไท 1 มีคำแนะนำที่น่าสนใจ


เริ่มจากเราควรจะรู้ว่าปกติคนเราเดินกันวันละ 3,000-5,000 ก้าวโดยเฉลี่ย ส้นรองเท้าที่ยิ่งสูงจะทำให้เกิดแรงกดที่กระดูกนิ้วเท้าและข้อต่อนิ้วเท้า ทำให้การกระจายแรงที่เกิดจากการเดินผิดเพี้ยนไป เนื่องจากเวลาก้าวเดินปกติ เราจะยกด้านหน้าของเท้าขึ้นประมาณ 10-20 องศา แล้วเริ่มลงน้ำหนักจากส้นเท้า กลางเท้า และบริเวณด้านหน้าเท้า (นิ้วเท้า) แต่เมื่อเราใส่รองเท้าส้นสูง จะทำให้การยกหน้าเท้าน้อยลง ลักษณะการเดินจะคล้ายกับการลากเท้า และน้ำหนักส่วนใหญ่จะไปลงที่บริเวณกระดูกนิ้วเท้ารวมถึงข้อต่อนิ้วเท้า (Metarsal Joint) ซึ่งการกระจายแรงที่ไม่ทั่วถึงทั้งเท้านี้จะส่งผลให้เกิดอาการเจ็บบริเวณฝ่าเท้าด้านหน้า หรือการอักเสบของเอ็นที่เท้าตามมาด้วย และการใส่รองเท้าส้นสูงนานๆ จะทำให้เกิดอาการปวดน่อง เพราะต้องเขย่งบนรองเท้าส้นสูงตลอด ทำให้กล้ามเนื้อน่องต้องทำงานหนักขึ้น นอกจากนี้การเดินบนรองเท้าส้นสูงจะมีแรงกระแทกมาที่ข้อเข่า มากกว่าการใส่รองเท้าส้นเตี้ยจึงทำให้ปวดเข่า และเป็นสาเหตุให้เข่าเสื่อมได้ระยะยาว

รองเท้าที่เหมาะสำหรับการเดินบนพื้นถนนที่เปียกลื่นอย่างหน้าฝน คือรองเท้าไม่มีส้นและผลิตด้วยวัสดุที่ไม่เปียกน้ำง่าย เช่น รองเท้าบัลเลย์ (Ballet Shoes) ชนิดที่เป็นหนังหรือยางแบบที่มีแผ่นยางกันลื่นที่ใต้พื้นรองเท้า และรองเท้าแตะรัดส้นที่มีพื้นยางประเภทที่เกาะพื้นถนนได้ดี หรือรองเท้าผ้าใบแบบที่ช่วยกันน้ำได้ รวมถึงรองเท้าบูทยางแบบใส่ลุยฝน ฯลฯ นอกจากนี้ บริเวณ “พื้นรองเท้า” ควรเลือกรองเท้าที่ยึดเกาะพื้นผิวชนิดต่างๆ ขณะเปียกได้ดี และควรเลือกพื้นแบบที่มีลาย หรือพื้นผิวขรุขระซึ่งน่าจะเกาะพื้นผิวได้ดีกว่า ขณะเดียวกันหากมีรองเท้าอยู่แล้วแต่กลัวลื่นก็ควรนำไปที่ร้านรองเท้าเพื่อให้ติดแผ่นยางกันลื่น ส่วน “พื้นด้านในรองเท้า” ควรเป็นแบบที่ใส่แล้วกระชับกับฝ่าเท้าไม่ลื่น และมีความอ่อนนุ่มพอประมาณ แต่ไม่ควรจะนิ่มเกินไป เพราะอาจทำให้เมื่อยได้ง่ายเมื่อต้องเดินระยะยาว ขณะเดียวกัน “ลักษณะรองเท้า” ควรเลือกรองเท้าหุ้มส้น หรือรัดส้นที่ใส่แล้วรู้สึกกระชับกับหลังเท้า หลีกเลี่ยงรองเท้าหัวแหลม เนื่องจากบีบปลายนิ้วเท้า ทำให้เท้าผิดรูป และที่ขาดไม่ได้คือ “ส้นรองเท้า” ควรหลีกเลี่ยงรองเท้าส้นเข็ม เนื่องจากต้องเกร็งขณะเท้าเพื่อพยายามทรงตัว ทำให้เมื่อยยิ่งขึ้น ซึ่งส้นรองเท้าที่ทำจากยางดีกว่าไม้แข็งๆ เพราะช่วยดูดซับแรงกระแทกได้ 

แต่หากสาวๆ คนไหนที่อยากอวดเรียวขาเซ็กซี่ด้วยส้นสูง ควรเลือกใส่ด้วยความระวังมากขึ้น โดยเลือกความสูงให้อยู่ที่ประมาณ 0.5 นิ้ว -1.5 นิ้ว เนื่องจากพื้นถนนที่มีความลื่น และเวลาเดินจะต้องคอยระวังเรื่องการทรงตัวเพราะเท้าจะเกร็งมากกว่าปกติโดยลักษณะพื้นเท้าของเราจะเกร็งในลักษณะงุ้ม และจิกพื้น อาการเกร็งจะเกร็งไปถึงบริเวณข้อเท้าและน่อง หรือในบางครั้งถ้ามีน้ำเข้าไปในรองเท้าทำให้เท้าแฉะ จะยิ่งทำให้เดินลำบากมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าใส่รองเท้าที่ไม่มีสายรัดช่วงส้น จะต้องเกร็งเท้าเพื่อคอยประคองไม่ให้รองเท้าหลุดตลอดเวลา จะยิ่งเสียการทรงตัวได้ง่าย ดังนั้นจึงควรเลือกรองเท้าส้นสูงที่มีลักษณะส้นใหญ่ เพราะจะช่วยกระจายน้ำหนักได้ดี ทำให้ยืนและเดินได้อย่างมั่นคง ซึ่งรองเท้าส้นสูงที่ใส่สบายที่สุดคือ รองเท้าส้นเตารีดที่มีน้ำหนักเบา แต่การเลือกแบบที่สูงจนเกินไปก็ต้องระวังเรื่องข้อเท้าพลิกและวิธีที่ดีสำหรับสาวออฟฟิศที่ต้องออกไปข้างนอกบ่อยๆ แต่ก็ยังอยากสวยด้วยรองเท้าส้นสูงสี่นิ้ว หัวแหลม ส้นเข็ม คือการมีถุงเล็กๆ ไว้ในกระเป๋าถือ เพื่อใส่รองเท้าคู่สวยสลับกับรองเท้าคู่สบายนั่นเอง
ท้ายนี้ แนะนำว่า “รองเท้าส้นสูง” เป็นเหมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสุดท้าย ที่สร้างความลงตัวให้ผู้หญิงก่อนออกจากบ้านไปทำงานหรือไปไหนๆ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรเลือกเพียงเพราะความชอบในแบบสีหรือราคาเท่านั้น การเลือกรองเท้าส้นสูงก็ควรให้ความสำคัญทั้งรูปแบบ วัสดุต่างๆ ที่ประกอบในรองเท้า และความเหมาะสมของการหยิบแต่ละคู่มาใส่ในแต่ละโอกาสและพื้นที่ที่เดินทาง ระยะเวลาที่สวมใส่ด้วย เพื่อช่วยลดความเมื่อยล้าและปัญหาสุขภาพในระยะยาว.